All posts by AllAll

การสังเกตอาการภายหลังได้รับวัคซีน

วัคซีนเป็นส่วนประกอบของเชื้อโรคและสารเคมีที่จะเข้าสู่ร่างกาย  ซึ่งจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาหรืออาการข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้ การที่จะลดความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงนั้น ผู้ให้บริการวัคซีนต้องคัดกรองและซักประวัติตั้งแต่ก่อนที่จะให้วัคซีน ถึงแม้ว่าจะผ่านการคัดกรองเบื้องต้นก็ช่วยลดอันตรายหรือลดความเสี่ยงได้ส่วนหนึ่งแต่ไม่ทั้งหมด เพราะเมื่อได้รับวัคซีนแล้วอาจมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นได้เช่นกัน ถึงแม้ว่าอาการข้างเคียงที่รุนแรงมักพบได้น้อยมาก  ฉะนั้นจึงต้อง

สังเกตอาการผู้รับบริการหลังได้รับวัคซีน อย่างน้อย 30 นาที

ปฏิกิริยาที่อาจเกิดขึ้น จำแนกได้ 2 ประเภท ได้แก่ ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นเฉพาะที่ และปฏิกิริยา
ที่เกิดขึ้นทั้งระบบ  ดังนี้

ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นเฉพาะที่

อาการและอาการแสดง ได้แก่ อาการบวม แดง ร้อน คัน บริเวณที่ฉีดวัคซีน อาจมีเลือดออกซึม เล็กน้อยและหยุดในระยะเวลาอันสั้น อาการเหล่านี้จะหายไปได้เอง

การจัดการเบื้องต้น หรือคำแนะนำทั่วไป

  • ไม่แนะนำให้สัมผัส กดแรง คลึง นวด หรือใช้ยาทาบริเวณที่ฉีดวัคซีน
  • ดูแลความสะอาด สังเกตอาการว่ามีอาการปวด บวม แดง ร้อนบริเวณที่ฉีดหรือไม่ หรือ
    มีลักษณะผิดปกติใด ๆ เช่น มีเลือดออกมา มีตุ่มหนอง มีอาการไข้สูงมาก ให้รีบมาพบแพทย์
  • หากมีอาการปวด บวม แดง ร้อนมาก สามารถประคบเย็น เพื่อลดอาการปวดได้ หรือรับประทานยาแก้ปวดลดไข้
  • หากมีไข้ร่วมด้วยสามารถเช็ดตัวลดไข้ และให้ยาลดไข้โดยคำนวณจากน้ำหนักตัว คือ 10 mg. / น้ำหนักตัว 1 kg / ครั้ง

ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นทั้งระบบชนิดไม่รุนแรงและชนิดรุนแรง

อาการและอาการแสดงชนิดไม่รุนแรง ได้แก่ มีไข้สูงมากกว่า 39°C  ซึม เบื่ออาหาร  ร้องกวน อาเจียน หรือมีผื่นขึ้นตามตัว

การจัดการและการให้คำแนะนำทั่วไป 

  • เช็ดตัวลดไข้ พร้อมกับให้ยาลดไข้ทันที
  • ให้เด็กดื่มน้ำ ดื่มนมให้มาก ๆ

สังเกตอาการผิดปกติที่แสดงถึงปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นทั้งระบบชนิดรุนแรง ได้แก่ อาการไข้แบบ anaphylaxis เช่น หายใจลำบาก หายใจมีเสียงวี๊ด มีผื่นขึ้นทั้งตัว มือ เท้า หน้า ปาก บวม หรือมีอาการผิดปกติทางสมอง เช่น ซึม อ่อนแรง ภาวะรู้สติเปลี่ยนแปลง มีอาการชัก
หากพบอาการผิดปกติชนิดรุนแรงให้พามาพบแพทย์โดยทันทีหรือหากพบอาการเบื้องต้นเป็นอาการและอาการแสดงชนิดไม่รุนแรง แต่เมื่อให้การดูแลแล้วอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการทรุดลง ให้พามา
โรงพยาบาลทันที

ObserveSymptoms

 

หลักการสื่อสารกับชุมชนกรณีเกิด AEFI

อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญสำหรับผู้ให้บริการที่ต้องเผชิญหน้ากับการร้องเรียนหรือความไม่เข้าใจของผู้รับบริการก็คือการสื่อสารที่ถูกต้องชัดเจน อย่าปฏิเสธในการพบกับผู้ที่ประสบปัญหา แต่ต้องอธิบายถึงหลักการและการใช้เวลาในการตรวจสอบสาเหตุต่างๆดังที่กล่าวมาเบื้องต้นเสียก่อน จึงจะปักใจเชื่อว่าอาการไม่พึงประสงค์ดังกล่าวเกิดจากการได้รับวัคซีน และอีกสิ่งหนึ่งที่ผู้ให้บริการควรตระหนักก็คือ ท่านไม่มีอำนาจในการระงับการใช้วัคซีน ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามขั้นตอนทางระบาดวิทยาเท่านั้น หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถศึกษาได้จาก คู่มือการเฝ้าระวังและสอบสวนอาการภายหลังได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ของสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข

howtoGiveinfo

หลักการแปลผลเบื้องต้นจากการตรวจสอบการเกิด AEFI

เมื่อพบผู้ป่วยและรายงานตามขั้นตอนแล้ว สิ่งต่อไปที่ผู้ให้บริการควรดำเนินการคือค้นหาจำนวนผู้รับบริการที่ได้วัคซีนร่ามขวด และร่วม lot number กับผู้ที่เกิดอาการ

ดังนั้นหน่วยบริการต้องมีข้อมูลการบันทึกที่ชัดเจนและมีรายละเอียดเพียงพอที่จะติดตามผู้รับบริการกลุ่มดังกล่าว เมื่อทราบจำนวนผู้รับบริการที่ต้องติดตามแล้ว ผู้ให้บริการต้องติดตามอาการอย่างน้อย 4 สัปดาห์หลังจากผู้รับบริการได้รับวัคซีนไป

ภายหลังการติดตามเมื่อพบกรณีต่างๆ ดังต่อไปนี้ ท่านสามารถแปลความเบื้องต้นว่าอาการที่เกิดขึ้นเกิดจาการให้วัคซีนหรือไม่ โดยมีข้อพิจารณา ในการแปลผลการตรวจสอบ มีแนวคิดใน 4 กรณี ดังนี้

กรณีที่ 1 ผู้ได้รับวัคซีนเป็นจำนวนมากได้รับวัคซีนจาก ขวดเดียวกันหรือต่างขวดแต่เป็น lot number เดียวกันกับผู้ป่วยหรือผู้เสียชีวิต แต่ไม่มีผู้ใดมีอาการรุนแรงหรือเสียชีวิตเลย การป่วยหรือเสียชีวิตดังกล่าว ไม่น่าจะเกิดจากการได้รับวัคซีน แต่น่าจะเกิดจากสาเหตุอื่นมากกว่า

กรณีที่ 2 ผู้ได้รับวัคซีนขวดเดียวกันกับผู้ป่วยหรือผู้เสียชีวิต มีอาการเช่นเดียวกับผู้ป่วยมีอาการรุนแรงหรือเสียชีวิต แต่ผู้ที่ได้รับต่างขวดแต่เป็น lot number เดียวกับผู้ป่วยหรือผู้เสียชีวิต ไม่มีผู้ใดมีอาการป่วยรุนแรงหรือเสียชีวิต การป่วยและเสียชีวิตดังกล่าวอาจเกิดจากวิธีการให้วัคซีน

กรณีที่ 3 ผู้ได้รับวัคซีนขวดเดียวกันรวมทั้งต่างขวดแต่เป็น lot number เดียวกันกับผู้ป่วยหรือผู้เสียชีวิต การป่วยหรือการเสียชีวิตดังกล่าวอาจเกิดจากวิธีการให้วัคซีนหรือจากวัคซีนที่ให้

กรณีที่ 4 ผู้ได้รับวัคซีนขวดเดียวกับผู้ป่วยหรือผู้เสียชีวิต ไม่มีผู้ใดมีอาการป่วยรุนแรงหรือเสียชีวิตแต่ผู้ได้รับต่างขวดแต่ lot number เดียวกันกับผู้ป่วยหรือผู้เสียชีวิต มีอาการเช่นเดียวกับผู้ป่วยหรือผู้เสียชีวิต การป่วยหรือการเสียชีวิตดังกล่าว อาจจะเกิดจากวัคซีนที่ให้

AEFI

หลักการรายงานเมื่อเกิด AEFI

หากพบผู้ป่วยต้องทำการรายงาน

กลุ่มอาการที่ต้องรายงานภายใน 24 ชั่วโมง คือ กลุ่มอาการทางระบบประสาท กลุ่มอาการแพ้ และกลุ่มอาการอื่นบางอาการ เช่น Disseminated BCG- itis Osteitis/ Osteomyelitis Sepsis Toxic shock syndrome Thrombocytopenia นอกจากนั้นหากพบผู้ป่วยเป็นกลุ่ม (cluster) หมายถึง พบผู้ป่วยตั้งแต่ 2 รายขึ้นไปที่มีอาการเดียวกัน และมีความสัมพันธ์กันด้านวัคซีน และ/หรือสถานที่ และเวลา รับวัคซีน หรือมีกรณีเสียชีวิตก็ต้องรีบรายงาน

กลุ่มอาการที่ต้องรายงานภายใน 1 สัปดาห์ ได้แก่ กลุ่มอาการเฉพาะที่ เช่น

  • ฝีมีเชื้อ (Bacterial Abscess)
  • ฝีไร้เชื้อ (Sterile Abscess) ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ (Lymphadenitis include supparative lymphadenitis)
  • อาการเฉพาะที่ที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง (Severe local reaction)  กลุ่มอาการทางระบบประสาทส่วนกลาง
  • อาการชักจากไข้ (Febrile convulsion) อาการชักที่ไม่มีไข้ร่วม (Afebrile convulsion) และ Residual seizure disorder

 

reportsAEFI

การดูแลเบื้องต้นเมื่อเกิดภาวะ Anaphylaxis

การดูแลเบื้องต้น คือการให้ adrenaline และการช่วยฟื้นคืนชีพในกรณีรุนแรง

การให้adrenaline 1:1000

  • กรณีที่ทราบน้ำหนัก ให้ขนาด 0.01 mg/kg/dose (ขนาดสูงสุดไม่เกิน 0.5 cc)
  • กรณีที่ไม่ทราบน้ำหนัก ให้ประมาณขนาดยาตามอายุ ดังตาราง
  • ฉีดเข้ากล้ามเนื้อคนละข้างกับที่ฉีดวัคซีน (ในกรณีที่ทราบว่าฉีดวัคซีนข้างไหน โดยอาจซักถามหรือดูร่องรอยการฉีดวัคซีน) ในกรณีที่อาการแพ้ไม่รุนแรงอาจให้ adrenaline ทางชั้นใต้ผิวหนังได้
  • สามารฉีด adrenaline รอบๆบริเวณที่ฉีดวัคซีนเพิ่มได้ โดยให้ในขนาดครึ่งหนึ่งของที่ฉีดเข้ากล้ามเนื้อและแบ่งฉีดรอบๆ เพื่อสกัดการดูดซึมของ allergen
  • กรณีที่เด็กรู้สึกตัว ให้นอนศีรษะต่ำ keep warm และให้ออกซิเจน
  • ถ้าให้ adrenaline แล้วยังไม่ดีขึ้นภายใน 10-20 นาที ให้ฉีดซ้ำขนาดเดิมได้อีกไม่เกิน 2 ครั้งห่างกันอย่างน้อย 5 นาที
  • รีบส่งต่อให้เร็วที่สุด หากสถานบริการไม่มีศักยภาพในการดูแล

tableprepare

หากให้แล้วอาการไม่ดีขึ้นสามารถให้ซ้ำได้ไม่เกิด 3 ครั้ง ห่างกันอย่างน้อย 5 นาที และรีบส่งต่อ หากหน่วยบริการของท่านไม่มีศักยภาพเพียงพอในการดูแลผู้ป่วย

firstAidAnaphylaxis

กลุ่มอาการแพ้

กลุ่มอาการแพ้

  1. อาการแพ้ (Allergic reaction) เป็นการแพ้ที่ไม่รุนแรง โดยมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งภายใน 24 ชั่วโมง ดังนี้ อาการทางผิวหนัง ผื่น ลมพิษ บวมที่หน้าหรือบวมทั่วไป หายใจมีเสียงวี๊ด อาจต้องแยกการแพ้จากสาเหตุอื่นๆ เกิดได้ภายใน 24 ชั่วโมงหลังได้รับวัคซีนทุกชนิด
  2. Anaphylactoid reaction หมายถึงอาการแพ้ปานกลาง มีอาการอย่างน้อย 1 อาการภายใน 2 ชั่วโมงหลังได้รับวัคซีน ดังต่อไปนี้ หายใจมีเสียงวี๊ด หายใจหอบเร็ว หายใจตื้น หรือ หายใจมีเสียง stridor เกิดจากหลอดลมหดเกร็ง หรือมีอาการทางผิวหนัง เช่นลมพิษ หน้าบวม ตัวบวม
  3. Anaphylaxis ภาวะแพ้รุนแรงที่นำไปสู่ภาวะไหลเวียนโลหิตล้มเหลวเกิดขึ้นภายในไม่กี่นาทีหลังได้รับวัคซีน อาการแพ้อย่างรุนแรงในเด็ก เริ่มจากอาการคันที่ผิวหนัง มีผื่นและบวมรอบบริเวณที่ฉีด รู้สึกร้อนผ่าวทั่วตัว  มีบวมตามร่างกาย ปากบวม หน้าบวม ผิวหนังแดงและคันตามผิวหนัง รู้สึกคัดจมูก มีจามและน้ำตาไหล  ต่อมาเริ่มมีเสียงแหบ คลื่นไส้อาเจียน  บวมในลำคอ หายใจไม่ออก หายใจลำบาก (SOB) ปวดท้อง (Cramp) เมื่ออาการรุนแรงขึ้นจะหายใจมีเสียง wheezing หรือ stridor สัญญาณชีพเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นสัญญาณอันตราย ความดันโลหิตต่ำ ชีพจร เบา เร็ว และจะนำไปสู่ภาวะหมดสติ ไม่รู้สึกตัว มักเกิดขึ้นภายใน 1 ชั่วโมง หรืออาจเกิดขึ้นเร็วภายใน 10 นาที

 

reactionEffect

กลุ่มอาการอื่นๆ 11 อาการ

กลุ่มอาการอื่นๆ 11 อาการ ได้แก่

  1. ไข้ (fever) มีอาการไข้โดยไม่พบสาเหตุอื่น อาจเกิดไข้สูง 38.5 องศาเซลเซียส นานเกิน 3 วัน หรือพบไข้สูงมากกว่า 39.5 องศาเซลเซียสตั้งแต่หนึ่งครั้งขึ้นไป พบได้บ่อยหลังจากได้รับวัคซีน DTP 1-2 วัน และถ้าได้รับ Measle, MR หรือ MMR เกิดขึ้นหลังได้รับ 6-12 วัน
  2. อาการหน้ามืดเป็นลม ตัวอ่อน(Hypotonic hyporesponsive episode: HHE) หมายถึงมีอาการเกิดขึ้นฉับพลัน อาจเป็นเพียงชั่วคราวหรือหายได้เอง มีอาการเหล่านี้ครบทั้ง 3 อาการคือ กล้ามเนื้ออ่อนแรง การตอบสนองต่อสิ่งเร้าลดลง ซีดหรือเขียว พบได้หลังจากได้รับวัคซีน DTP ภายใน 2 วัน ส่วนใหญ่เกิดขึ้นภายใน 12 ชั่วโมง
  3. Persistent crying อาการร้องนานอย่างน้อย 3 ชั่วโมง อาจมีการกรีดร้องเป็นครั้งคราว ส่วนใหญ่จะหยุดร้องเอง มักเกิดขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง หลังได้รับ DTP, Pertussis
  4. อาการปวดข้อ (Arthalgia) ส่วนใหญ่เป็นการปวดข้อเล็กๆ เช่นข้อนิ้วมือ นิ้วเท้า โดยไม่มีอาการบวมแดง อาจเป็นนานเกิน10 วัน อาการนี้หายได้เอง มักเกิดขึ้นหลังได้รับ Rubella, MMR หรือ MR ประมาณ 1-3 สัปดาห์
  5. ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ (Lymphadenitis) หมายถึงภาวะที่มีอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ ต่อมน้ำเหลืองโตอย่างน้อย 1 ที่ ขนาดมากกว่าหรือเท่ากับ 1.5 เซนติเมตร หรือมีรูเปิดเชื่อมผิวหนังและต่อมน้ำเหลืองที่อักเสบ ส่วนใหญ่เกิดภายหลังจากได้รับ BCG ภายใน 2-6 เดือน มักเป็นข้างเดียวกับที่ฉีด และพบบ่อยเป็นต่อมน้ำเหลืองบริเวณรักแร้ ในกรณีที่มีการยึดติดผิวหนังกับต่อมน้ำเหลืองและมีน้ำเหลืองไหลออกมา ต้องรักษาด้วยการดูดออก และให้ฉีด anti TB drug ฉีดรอบๆบริเวณที่มีการอักเสบ
  6. Disseminated BCG-infection เป็นภาวะที่มีการติดเชื้อและการแพร่กระจายของเชื้อ BCG ไปทั่วร่างกาย ตรวจพบต่อมน้ำเหลืองโตในหลายบริเวณของร่างกาย เกิดขึ้นได้ภายใน 1-12 เดือนหลังได้รับวัคซีน
  7. กระดูกอักเสบหรือกล้ามเนื้ออักเสบ (Osteitis/Osteomyelitis) หมายถึงมีภาวะกระดูกอักเสบ จากการได้รับ BCG เกิดขึ้นได้ภายใน 1-12 เดือนหลังได้รับวัคซีน
  8. Thrombocytopenia มีเกล็ดเลือดต่ำกว่า 50,000 เซล/ลบ.มล. มีจุดจ้ำเลือดตามผิวหนัง เลือดออกง่าย พบได้หลังได้รับวัคซีน MMR, Measles 2-5 สัปดาห์
  9. Sepsis หมายถึงภาวะที่มีการเจ็บป่วยรุนแรงแบบเฉียบพลันเนื่องมาจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ตรวจพบเชื้อในกระแสโลหิต มีไข้สูง มีการติดเชื้อหลายระบบ มักเกิดภายใน 5 วันหลังได้รับวัคซีน เกิดได้กับวัคซีนทุกชนิด จัดเป็นอาการที่รุนแรงและต้องรีบรายงาน
  10. Toxic shock syndrome หมายถึงกลุ่มอาการที่มีไข้สูงเฉียบพลันร่วมกับอาเจียน ถ่ายเหลวเป็นน้ำ เกิดขึ้นได้หลังได้รับวัคซีนภายใน 2-3 ชั่วโมง อาจทำให้เสียชีวิตจากอาการ shock ภายใน 24-48 ชั่วโมง เป็นอาการที่รุนแรงต้องรีบรายงานเช่นกัน
  11. Injection reaction ไดังที่ได้กล่าวรายละเอียดไปแล้วในเนื้อหาสาเหตุของ AEFI

 

etcEffect

กลุ่มอาการทางระบบประสาท 8 อาการ

กลุ่มอาการทางระบบประสาท จะกล่าวถึง 8 อาการที่อาจพบได้ นั่นคือ Vaccine-associated paralytic poliomyelitis (VAPP), Guillain-Barre Syndrome (GBS), Encephalopathy, Encephalitis, Meningitis, อาการชัก, Brachial neuritis, Sciatic nerve injury

  1. VAPP เป็นภาวะที่มีอาการกล้ามเนื้อแขนขามีอัมพาตอ่อนแรงอย่างเฉียบพลันแบบ asymmetry และมีไข้ในขณะที่ผู้ป่วยเริ่มมีอาการอัมพาต และยังคงมีกล้ามเนื้ออ่อนแรงนานเกินกว่า 60 วันนับจากมีอาการ เกิดจากหลังได้รับวัคซีน OPV ประมาณ 4-30 วัน หรือ 4-75 วันหลังสัมผัสกับผู้ที่ได้รับวัคซีน OPV อัตราการเกิด VAPP ในเด็กปกติที่ได้รับวัคซีน OPV ครั้งแรกมีประมาณ 1 ใน 1.4 – 3.4 ล้านโด๊ส และจะลดลงเป็น 1 ราย ต่อ 5.9 – 27.2 ล้านโด๊สในครั้งต่อไป
  2. Guillain-Barre Syndrome (GBS) เป็นภาวะที่มีอาการกล้ามเนื้อแขนขาอัมพาตอ่อนแรงอย่างเฉียบพลัน ทั้งสองข้างเท่าๆกัน ไม่มีไข้ในขณะที่มีอาการอัมพาต พบได้ภายหลังได้รับวัคซีน TT, HBV  มักเกิดภายใน 6 สัปดาห์หลังรับวัคซีน
  3. Encephalopathy เป็นภาวะที่มีอาการอย่างน้อย 2 อาการ ดังต่อไปนี้ ชัก มีการเปลี่ยนแปลงของภาวะรู้สติอย่างชัดเจนนานอย่างน้อย 1 วัน หรือมีการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมอย่างชัดเจนนานอย่างน้อย 1 วัน ส่วนใหญ่เกิดภายใน 72 ชั่วโมงหลังได้รับ DTP และเกิดภายใน 6-12 วันหลังได้รับ MMR
  4. สมองอักเสบ (Encephalitis) เป็นภาวะที่มีอาการดังต่อไปนี้ ไข้ ร่วมกับ อาการทางสมอง เช่น มึนงง สับสน ไม่รู้สึกตัว เกร็งหรือชัก หรือมีพฤติกรรมเปลี่ยนแปลง มักพบอาการภายใน 30 วันหลังได้รับวัคซีน MMR, JE
  5. เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis) เป็นภาวะไข้ ปวดศีรษะ คอแข็งและมีอาการทางสมอง มักเกิดภายใน 30 วันหลังได้รับวัคซีน MMR
  6. อาการชัก เป็นอาการชักทั้งตัวโดยไม่มีอาการหรืออาการแสดงทางประสาทอื่น แบ่งเป็น Febrile seizures อาการชักร่วมกับมีไข้สูง 38.5 องศาเซลเซียส และ afebrile seizures หมายถึงมีอาการชักและไม่มีไข้ร่วมด้วย ส่วนใหญ่มักจะพบแบบ febrile seizures เกิดภายหลังจากได้รับวัคซีน DPT, DPT-HB ประมาณ 0-2 วัน และ หลังได้รับ Measles ประมาณ 6-12 วัน
  7. เส้นประสาท Brachial อักเสบ (Brachial neuritis) หมายถึงภาวะที่มีอาการอย่างน้อยหนึ่งอาการบริเวณหรือไหล่ที่ฉีดวัคซีน หรือข้างตรงข้ามหรือทั้งสองข้าง ดังต่อไปนี้ เจ็บปวดที่แขนหรือหัวไหล่ มีอาการกล้ามเนื้อแขนหรือหัวไหล่อ่อนแรงและอาจลีบเล็ก หรือมีการเสื่อมของเส้นประสาทบริเวณแขนหรือหัวไหล่ อาจสูญเสียความรู้สึก มักเกิดภายหลังได้รับ TT, dT ประมาณ 2-28 วัน
  8. เส้นประสาท sciatic ได้รับบาดเจ็บ เกิดขึ้นภายหลังฉีดวัคซีนเข้าชั้นกล้ามเนื้อบริเวณสะโพกผิดตำแหน่ง ทำให้มีอาการ กล้ามเนื้อขาข้างที่ฉีดอ่อนแรง ปวดบริเวณกล้ามเนื้อ gluteus ปวดไปตามแนวประสาทของขา มี reflex ช้า และมีกล้ามเนื้อลีบหลังเกิดอาการประมาณ 1-เดือนครึ่ง เกิดขึ้นได้จากการฉีดวัคซีนผิดพลาด

 

braineffects

กลุ่มอาการเฉพาะที่

กลุ่มอาการเฉพาะที่ มีทั้งอาการเฉพาะที่ที่ไม่รุนแรง เช่น อาการปวด บวม แดงบริเวณที่ฉีด ฝีไร้เชื้อบริเวณที่ฉีด (sterile abscess) และ ฝีมีเชื้อบริเวณที่ฉีด และอาการเฉพาะที่ที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง

  1. อาการปวด บวม แดง บริเวณที่ฉีดถือเป็นอาการเฉพาะที่ที่ไม่รุนแรง พบได้บ่อยเมื่อได้รับวัคซีน DPT, DPT-HB อาการจะเกิดขึ้นประมาณ 2-3 วัน
  2. ฝีไร้เชื้อบริเวณที่ฉีด (sterile abscess) เป็นภาวะที่มีรอยนูนหรือก้อนในตำแหน่งที่ฉีดวัคซีนหรือเซรุ่มโดยไม่มีไข้หรืออาการบวมแดง ส่วนใหญ่เกิดจากการฉีดวัคซีนผิดตำแหน่งและวัคซีนไม่เข้าไปถึงชั้นผิวหนังที่ถูกต้องมักจะเกิดขึ้นภายใน 5 วันหลังได้รับวัคซีน ให้การรักษาตามอาการใช้น้ำอุ่นประคบบริเวณที่เป็นไต
  3. ฝีมีเชื้อบริเวณที่ฉีด คือการมีรอยนูนหรือก้อนในตำแหน่งที่ฉีดวัคซีนหรือเซรุ่ม และมีอาการบวมแดงรอบๆ มีอาการปวด มักมีไข้และต่อมน้ำเหลืองโต ถ้าเจาะรอยนูนหรือก้อนจะพบหนอง ถ้าเพาะเชื้อจะพบเชื้อแบคทีเรีย ส่วนใหญ่เกิดจากความผิดพลาดจากกระบวนการฉีดวัคซีนที่ไม่ปลอดเชื้อหรือมีการปนเปื้อน
  4. อาการเฉพาะที่ที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง (severe local reaction) หมายถึงอาการบวมแดงรอบตำแหน่งที่ฉีดร่วมกับบวมแดงลามไปถึงข้อที่ใกล้ที่สุด หรือบวมแดงนานเกิน 3 วัน อาการนี้เรียกว่า Arthus reaction สามารถหายเองได้ภายใน 1 สัปดาห์ มักเกิดอาการภายใน 5 วันหลังได้รับวัคซีน

 

particularEffect

5.5 การกำจัดอุปกรณ์ที่ใช้แล้ว

ปกติแล้วภายหลังจากฉีดวัคซีน ผู้ให้บริการไม่ควรดึงเข็มจาก syringe เมื่อให้วัคซีนเรียบร้อยแล้ว ผู้ให้บริการควรนำ syringe ที่มีเข็มติดอยู่ ทิ้งลงในถังพลาสติกหนา ที่เข็มไม่สามารถแทงทะลุได้ หรือเราเรียกว่า puncture proof containers ซึ่งสามารถนำกล่องพลาสติกหนาที่มีอยู่แล้วมาใช้ได้

นอกเหนือจาก syringe และเข็มแล้ว อุปกรณ์อื่นๆ ที่ใช้ในการฉีดวัคซีน เช่น ขวดวัคซีนที่ใช้หมดแล้ว หรือ vaccine หมดอายุ ก็ต้องเก็บไว้ในตู้เย็นที่อุณหภูมิ +2 ถึง +8 องศาเซลเซียสแบบไม่ปนเปื้อนอย่างน้อย 7 วัน เก็บเหมือนวัคซีนที่ยังไม่เปิดใช้ เมื่อครบแล้วนับไปกำจัดแบบขยะอันตรายหรือขยะติดเชื้อ

discard