กลุ่มอาการแพ้ แบ่งเป็น 3 ระดับ
- อาการแพ้ (Allergic reaction) เป็นการแพ้ที่ไม่รุนแรง โดยมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งภายใน 24 ชั่วโมง ดังนี้ อาการทางผิวหนัง ผื่น ลมพิษ บวมที่หน้าหรือบวมทั่วไป หายใจมีเสียงวี๊ด อาจต้องแยกการแพ้จากสาเหตุอื่นๆ เกิดได้ภายใน 24 ชั่วโมงหลังได้รับวัคซีนทุกชนิด
- Anaphylactoid reaction หมายถึงอาการแพ้ปานกลาง มีอาการอย่างน้อย 1 อาการภายใน 2 ชั่วโมงหลังได้รับวัคซีน ดังต่อไปนี้ หายใจมีเสียงวี๊ด หายใจหอบเร็ว หายใจตื้น หรือ หายใจมีเสียง stridor เกิดจากหลอดลมหดเกร็ง หรือมีอาการทางผิวหนัง เช่น ลมพิษ หน้าบวม ตัวบวม
- Anaphylaxis ภาวะแพ้รุนแรงที่นำไปสู่ภาวะไหลเวียนโลหิตล้มเหลวเกิดขึ้นภายในไม่กี่นาทีหลังได้รับวัคซีน มีอาการความดันโลหิตต่ำ ชีพจรเบาเร็วหรือคลำไม่ได้ ภาวะรู้สติเปลี่ยนแปลง และมีอาการร่วมคือ หายใจมีเสียงวี๊ด หายใจหอบเร็ว หายใจตื้น หายใจมีเสียง stridor เกิดจากหลอดลมหดเกร็ง มีอาการทางผิวหนัง เช่นลมพิษ หน้าบวม ตัวบวม มักเกิดขึ้นภายใน 1 ชั่วโมง หรืออาจเกิดขึ้นเร็วภายใน 10 นาทีในรายที่แพ้รุนแรง
ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยและเป็นการเฝ้าระวังอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้น จำเป็นต้องเน้นย้ำให้ผู้รับบริการรอสังเกตอาการอย่างน้อย 30 นาทีหลังฉีดวัคซีนแล้ว แนะนำการประเมินตนเอง เพื่อสังเกตอาการแพ้อย่างรุนแรงในเด็ก เริ่มจากอาการคันที่ผิวหนัง มีผื่นและบวมรอบบริเวณที่ฉีด รู้สึกร้อนผ่าวทั่วตัว มีบวมตามร่างกาย ปากบวม หน้าบวม ผิวหนังแดงและคันตามผิวหนัง รู้สึกคัดจมูก มีจามและน้ำตาไหล ต่อมาเริ่มมีเสียงแหบ คลื่นไส้อาเจียน บวมในลำคอ หายใจไม่ออก หายใจลำบาก (SOB) ปวดท้อง (Cramp) เมื่ออาการรุนแรงขึ้นจะหายใจมีเสียง wheezing หรือ stridor สัญญาณชีพเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นสัญญาณอันตราย ความดันโลหิตต่ำ ชีพจร เบา เร็ว และจะนำไปสู่ภาวะหมดสติ ไม่รู้สึกตัว ในการให้บริการวัคซีนจะต้องเตรียมยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นในการกู้ชีพ (Emergency set) ให้พร้อมเพื่อสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้อย่างทันที อย่างไรก็ตาม จะต้องวินิจฉัยแยกจากอาการเป็นลมให้ได้ เนื่องจากการให้ Adrenaline เป็นข้อห้ามสำหรับคนที่เป็นลม จะทำให้เป็นอันตรายได้